วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โคนายฝูง

พระพุทธเจ้าทรงแสดงความสำคัญของผู้นำไว้  โดยทรงเปรียบเทียบกับโคนายฝูงซึ่งนำโคอื่น ๆ  ข้ามฟากหรือฝั่ง  มีใจความสำคัญว่า

 “เมื่อฝูงโคกำลังข้ามฝั่ง  ถ้าโคนายฝูงนำไปตรง  โคทั้งหมดก็จะไปตรง  เพราะโคนายฝูง นำไปตรง  ถ้าโคนายฝูงนำไปคดฉันใด   โคทั้งหมดก็จะไปคดด้วย”

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กิเลสมันอยากได้ ห้ามกะบ่ฟังแหล่ว

วันที่ 14 กรกฏาคม 2556 (ค่ำ) : หลวงปูลี กุสลธโร "ปลงสังขาร" ...

ถอดข้อความบางส่วน...

หลวงปู่ลี : ศาลาใหญ่ ๆ เฮดเจดีย์ วัดป่าบ้านตาด บ่มี ๆ โครงการเฮดเจดีย์ เพิ่นมาถามกะไล่หนีแล่ว เดี๋ยวนี่กะเอาควมท่านปิวมาคัดค่าน มาเว่ายูฮั่น ฟังแล่วเขาสิเอาศาลาใหญ่ ไปเฮดค้าขาย เลิกโครงการเฮดเจดีย์เพิ่นประกาศไห่ฟังพอแฮง เขาบ่ฟังแหล่ว เขาวาสิเอาศาลาใหญ่ เจตนาเขาเป่นจังซั่นเด๊ เดี๋ยวนี่เกลี้ยกล่อมแล้วไปนำเขาหมดแล้ว ไปเรื่องโครงการอั่นนี่หมด กะหมดทอนั่นตั้ว สิไปคัดค้านหยัง กะหมดทอนั่นตัว ไห่ผมไปคัดค้านกะหมดทอนั่นตัว ผมบ่ยังนำมูดอก...

คันผมตาย อย่าให้เลย 7 วัน แก๊ไปบ้านตาดแล้ว สุมโลด อย่ามาใส่ไว้ เลี้ยงบังสะกุลอีหยัง ผมบ่ไห่กังวล บ่ให้ยากนำ ไขมันมาออกยูเฮือน เซ็ดบ่ไหว มื่อนี่บ่เซ็ด มูมาเซ็ดไห่ บ่ไหว เซ็ดบ่ไหว อือ..ไป๋ หมดทอนั่นหละ ผมตายจังคอยมาเก็บศพ

ประวัติพ่อแม่ครูจารย์ บุญคือหลังเฮดใส่เจดีย์ เจดีย์พังเขาจะเห็นดอก ซุมประวัติกะเข้าไปไว้เจดีย์เพิ่น หนังสือธรรมะ ตู้กะเฮดแล่วเด๊ ตู้เก็บกะเฮดแล้ว พุ่นไม้พันชาติ บึงแก่น เฮดมาแล้ว อยู่ถ้ำจันพุ่น ไม้พระธาตุมาตาพุ่น บุรีรัมย์ อ.สะตึกพุ่น เฮดไว้หมดแล้ว เดี๋ยวนี่วัดป่าบ้านตาดผมบ่อไปกะเคียดให้ผม เฮดจังได๋ สิเอาไปหยัง พุ่นอยู่ขอนแก่นพุ่น หาปัจจัยครบแล้ว ได้ 200 กั่วล้าน เฮดเจดีย์ พอแล้ว เฮดไว้ผมไห่ครูจานทำประโยชน์แก่ชาตบ้านเมือง อยากให้ฮู่จักประวัติเพิ่นแน แต่พวกนั่นมา บอนได๋มันมี ซุมสมุดใส่ตู้ไว้โลด ซุมประวัติไว้ให้ลูกภายหลังเบิ่ง ย่านโครงการบ่มีบ้านตาด ไปประกาศอยู่จังคอยได้มาเฮดพี่ กะยังมาแต่วาอยู่ เดี๋ยวนี่เกลี้ยกล่อมสิเอา ให้เจ้าอาวาสเพิ่นไปนำหมดแล้ว ผมบ่ไปห้ามแล่ว คึสิบ่ฟัง เอาควมไปเว่า มาอ้างอยู่ฮั่น เอาควมประกาศเพิ่น เขาบ่ยึดแล่วหละ กะเว่าซุม มาอ้างมาพูดอยู่นั่น คันคึไป่นำเขาหมดแล้ว คันเฮดบอนอืน สิบ่ได้ม่างศาลาเด้ ม่างปุ๊บ ศาลาแงกไว้โลด จักเวียกอีหยัง บ่เห็นติ แต่ลื้อ ครูจารย์เอาไป ให้มันหมด เขาลื้อบ้านตาด บ้านให้ตู้จานขาย ยังตาบ่ขายกระดูก เฮดจังได๋หละ กิเลสมี บ่เห็นดอกบาปบุญ ใจผ่องใส บ่เห็น กิเลสเต็มหัวใจ บ่เห็นดอก อือ ไป๋ ทอนั่นหละ พอแล่ว ไป๋ เออ

ลูกศิษย์ : ถวายทองใส่ยอดเจดีย์ 25 บาทครับ

หลวงปู่ลี : คันบ่เฮด มันสิบ่ได้ลื้อศาลาเด้ บ่ลื้อหละ เฮดต่อไปมันสิลื้อ โครงการเขาเฮดศาลาพอแฮงแล่ว กะสิเอ่าไม้เอากระเบื้องไปควดค้าขาย ทอนั่นเด้ กิเลสมันอยากได้ ห้ามกะบ่ฟังแหล่ว อือ.... สิเอาควมไปเว่า บ่ฟังดอก เดี๋ยวนี่ไทบ้าน เขามากระซิบแล่ว คั่นคึดไปนำเขาหมดแล้ว ผมกะไปห้ามแล่ว ผมเฮดพาไป ฟังแหล่วคึสิบ่เอาทางผม พ่อใหญ่ครูจานประกาศไว้จังได๋แหล่ว เขาเอาควมเว่า ควมผมเว่าบ่เอา เฮดมื่นอื่นมันสิบ่ได้ศาลาเด้ โครงการเขาว่าบ่ม่าง มันสิม่าง มันสิได้ศาลาเด้ ผมเข้าใจหมดเด้ เดี๋ยวนี่ กำลังมาเกลี้ยกล่อมเจ้าอาวาสอยู่ เดี๋ยวนี่ไปนำเขาหมด เรื่องธรรมะบ่มีหละ บ่เป็นยา เซ็ดแต่มือ เซดบ่ไหว เมือย.. ซูมื่อกะเซ็ด นั่งเซ็ดอยู่พุเดี่ยว จังซี่ บ่ไหว อือ....

วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

จะกอดเสา หรือจะเอาธรรม

สรุปว่า งานผ้าป่าที่ผาแดง ผ่านไปด้วยดี ได้ยอดบริจาค 13 ล้านบาทกว่า ก็ขออนุโมทนาผู้มีกุศลจิตที่ร่วมบุญในคราวนี้

จริง ๆ แล้ว ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบุญสร้างเจดีย์หลวงตาฯ ได้ทุกวันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอจัดงานผ้าป่าอีก เพราะคนดำริคงไม่กล้าที่จะจัดให้อีกแล้ว เพราะกลัวเดี๋ยวลูกศิษย์จะเปลี่ยนศรัทธามาหาของแท้ ลาภสักการะของตัวก็จะหายหมด.. สังเกตุดูได้ว่าหากมีงานที่ผาแดงวันใด ท่านนั้นจะต้องมีงานมาชนกันเสมอ วันกฐินก็คงกำหนดให้ตรงกับที่ผาแดง..

สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบก็ขออธิบายให้ทราบดังนี้ เหตุที่มีงานผ้าป่าครั้งนี้ เนื่องจาก วันที่ 30/5/56 อ.อินทร์ถวายได้ประกาศที่บ้านตาดจะจัดงานนี้ขึ้น แต่ที่ประกาศออกสื่อให้สาธารณชนทราบก็ให้หลวงปู่บุญมีเป็นประธานฯ

ลึก ๆ กว่านั้น คงไม่ได้มีจุดประสงค์แค่มาถวายผ้าป่าแน่นอน เพราะร้อยวันพันปี อ.อินทร์ฯ ไม่เคยคิดที่จะมาหาเลย ในวันวางศิลาฤกษ์เจดีย์หลวงตาฯ ที่ผาแดง ก็จัดงานที่วัดตัวเองประชัน กุฏิหลวงปู่ลีที่สวนแสงธรรม ก็ยึดมาเป็นของตัวเองไว้พักตอนลงมากรุงเทพฯ ซึ่งครั้งบูรณะสวนแสงธรรมหลังน้ำท่วมปี 54 ก็ไม่ปรากฎว่าตัวท่านหรือสั่งการลูกศิษย์ให้มาช่วยบูรณะ และไม่เคยขออนุญาตใช้หรือเข้าพักสวนแสงธรรม ตามข้อบังคับฯ ที่ต้องขออนุญาตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาดทุกครั้ง แล้วยังบังอาจทำการเปลี่ยนโถส้วม และยกกุฏิหลวงปู่ลีให้สูงขึ้นจากเดิม โดยไม่ได้ขออนุญาตหลวงปู่แต่อย่างใด ทำให้กุฏินี้สูงกว่ากุฏิหลวงตา แล้วยังดำริที่จะสร้างรูปเหมือนหลวงตา หน้าตักกว้าง 9 เมตร สูง 14 เมตร ทั้งหมดนี้ผิดธรรมเนียมอริยะประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมา

ครั้งที่มีผู้ศรัทธามาถวายตั่งแด่หลวงปู่ลี ที่สวนแสงธรรม แม้ตั่งจะมีความสูงเท่ากับตั่งของหลวงตา หลวงปู่ลีก็ได้สั่งให้ลูกศิษย์ไปเลื่อยขาตั่งให้ต่ำกว่าตั่งหลวงตาฯ หลวงตาสั่งห้ามสร้างเจดีย์ ที่บ้านตาด ท่านก็ไม่สร้างตามคำสั่ง โดยไปสร้างที่ผาแดง หลวงปู่ลีท่านก็สอนลูกศิษย์หรือหมู่คณะบ่อย ๆ ว่า หลวงตาท่านทำสิ่งใดไว้ สั่งสิ่งใดไว้ เราลูกศิษย์ที่เคารพรักหลวงตาฯ ก็จะำทำตามนั้น ดังที่ท่านพูดบ่อย ๆ ว่า "ฟังเพิ่นแม้.. ฟังเพิ่นแม้.. " ทำตามที่หลวงตาฯ ท่านพูดหรือสั่งไว้ จะไม่เสียหายเลย

กรณีที่หลวงตาเรียกลูกศิษย์ว่า ธรรม... หรือ เพชรน้ำหนึ่ง ? หลวงตาท่านเป็นพ่อเป็นแม่ ถึงอย่างไรพ่อแม่ก็ไม่ทำร้ายลูก มีแต่ส่งเสริมลูก ดังนี้ จึงเป็นการให้กำลังใจหรือการชม เพื่อลูกจะได้ประพฤติปฏิบัติให้สมกับคำชม ไม่ใช่เอาไปใช้หาลาภสักการะ มีลูกศิษย์หลายองค์ที่หลวงตาชม ต่อมาถูกไล่ออกจากวัดก็มี ยิ่งไปกว่านั้นผู้ถูกชมตอบแทนผู้ให้คำชมด้วยการว่าท่านญาณเสื่อม เพราะผู้ถูกชมย่อมรู้ตัวเองว่าไม่มีธรรมใด ๆ และไม่เฉลียวใจว่าทำไมหลวงตาจึงชม อีกทั้งที่หลวงตาว่ากล่าวตักเตือนก็มีเป็นหลักฐาน ไม่เห็นจะเอาไปใช้บ้างเลย นี่แหละโลกธรรม 8 จะเอาแต่คำชมแต่ไม่เอาคำด่า สำหรับกรณีเกสาเป็นพระธาตุ ก็ให้พิจารณาเทียบกับ ความเสมอต้นเสมอปลาย ธรรมคำสอน ข้อวัตรปฏิปทา และการกระทำต่อพ่อแม่ครูจารย์ ดูก็จะรู้ว่าเป็นพระธาตุจริงหรือปลอม  

กรณีที่มีชื่ออยู่ในพินัยกรรม? หลวงตาฯท่านรู้ว่างานใดเหมาะกับลูกศิษย์องค์ใด หรือถนัดทางไหน ก็จะมอบหมายงานนั้นให้  เช่น ใครถนัดเรื่องมวลชนก็มอบหมายให้ไป และควรจะรับผิดชอบเท่าที่ตัวเองได้รับมอบหมาย เพราะไม่ได้สักไว้ที่หน้าผาก ไม่ใช่สามารถจัดการได้ทุกเรื่องตลอดไป ขอให้ทุกคนได้ติดตามดูว่าในวันที่ 12 สิงหาปีนี้ ซึ่งจะครบรอบ 100 ปีชาตกาลของหลวงตาฯ จะมีการจับไมค์ของพระองค์นี้อีกหรือไม่ แล้วทำไมถึงชอบจับไมค์ในงานใหญ่ ๆ แม้พินัยกรรมไม่ได้สั่งไว้ แต่บอกได้โดยนัยอยู่แล้ว..

ในงานผ้าป่านี้ ได้มีการพยายามล็อบบี้พระกันอยู่หลายองค์ เพื่อที่จะสร้างเจดีย์ฯ ตรงเมรุให้ได้ พระที่ไม่เห็นด้วย เดินทางกลับวัดก่อนก็มีอยู่หลายองค์ แต่พอถึงเวลาตัวเองเข้าไปหาหลวงปู่ลี กลับไม่กล้าจะแสดงจุดยืนที่ตัวเองต้องการ ก็ให้ถือว่าว่ายอมรับมติสงฆ์ วันที่ 19 เมษายน 2556 เพราะในวันนั้นได้นิมนต์ อ.อินทร์ฯ มาร่วมประชุมสงฆ์ด้วยแต่ก็ไม่มาประชุม และมติสงฆ์นี้ก็สอดคล้องกับ มติสงฆ์ครั้งแรกที่พระมาประชุมกัน 1,000 กว่าองค์ หากแม้หลวงตาฯ ยังอยู่ ท่านจะเคารพมติสงฆ์นี้ โดยไม่ยำเกรงเรื่องโลก ๆ ใด ๆ 

หากจะอ้างว่าหลวงตาฯ ได้ชี้จุดสร้างไว้แล้วตรงเมรุ ก็เป็นความจริง แต่ท่านให้สร้างพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ เท่านั้น พระผู้ที่จะมาเป็นพยานการชี้จุด จะมาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เพราะมีมติสงฆ์แล้วถือเป็นอันยุติ และท่านนั้นก็มีคดีติดตัวอยู่ ต้องกระเด็นออกจากบ้านตาด เพราะอะไรคงไม่ต้องแฉ แต่อย่าไปอ้างว่าผู้หญิงมาขอเป็นลูกบุญธรรมเลย อ้างอย่างนี้มันน่าสังเวชมาก หลวงปู่ลีก็ว่า "พระเหี้ยจัญไร" หากยังไม่รีบมาขอขมา อยู่ไปก็ไม่มีความเจริญ ตายไปก็รู้กัน

แล้วทำไมจึงมีกลุ่มพระที่คิดจะรื้อศาลาใหญ่?  พระอรหันต์สององค์บอกตรงกัน ว่ามันจะเอากระเบื้อง เสา ไปทำพระขาย อ้างตัวว่าเป็นศิษย์เอก จะกอดเสา แต่ไม่เอาธรรม..






คันไทบ้านบ่ซอย(หากชาวบ้านไม่ช่วยกัน) เขากะสิเอาศาลาใหญ่เฮาไปแท้ ๆ

ถอดข้อความ...คำปรารภของหลวงปู่ลีกับคณะศิษย์...ช่วงแรกเช้าวันที่ 13 ก.ค. 2556 ณ กุฏิหลวงปู่ลี วัดภูผาแดง...

หลวงปู่ลี : เอากระเบื้องไป่ขุดธาตุ สิไห่รื้อเฮ็ดดีขึ้น มันใหญ่ขึ้น ๆ โครงการเว้าแล่ว มันสิรื้อศาลานา เฮียบหมด ไม้นะ กระเบื้องเฮียบหมด เดี๋ยวนี่บ่ไห่มาต้องเลย

ลูกศิษย์ : ครับ ๆ

หลวงปู่ลี : เมื่อวานเว้าเหตุผล ย่านบ่ฟัง สิเอาตามแบบ มาเกลี้ยกล่อมเจ้าอาวาสแล้ว ได้ยินกะเลยห้ามเมื่อวานนี่ ไปกุฏิเว้าเฉพาะเพิ่นนะ

ลูกศิษย์ : ปู่ครับคือผมเฮ็ดบุญกับท่านอาจารย์อุทัยแล้ว เดี๋ยวนี้สิมาถวายปัจจัยปู่ ครับ 4,000 บาทครับ

หลวงปู่ลี : อืม ๆ เว้าเหตุผลให่ฟังหมดแล้วนะ แต่กะบ่มีอีหยังดีขึ้น

ลูกศิษย์ : ครับ ยังบ่ดี

หลวงปู่ลี : คันไทบ้านบ่ซอย รื้อแท้ ๆ ไป่ห้ามหลายเทือแล่ว เว้าเหตุผลไห่ฟังหลายเทือแล่ว กะยังสิเอาเดี๋ยวกะอ้าง สิไป่เว้า บ่ไห่อยู่วัด พุได๋เอาไว้บ่ได้ ให้หนีนำกัน พุ่นตั้ว กะเห็นกันอยู่ คันไทบ้านบ่ซอยเอาแท้ ๆ รื้อแท้ ๆ เฮ็ดเข้าไป คันมันดี เดี๋ยววาสิบ่รื้อ ต่อไปมันสิรื้อ สิเฮ็ดเจดีย์นา ป่านนั่น ไป่ห้ามเมื่อวาน ย่านบ่ฟัง ไปรื้อเอา ฮ่วย บ่ยัง พุนี่หลอยเอาไป

ลูกศิษย์ : ผมก็ไม่ยอมเหมือนกันครับ ผมก็นึกว่าเรียบร้อยหมดแล้ว ครับท่านปู่ครับผมจะสู้ สุดชีวิตครับ

หลวงปู่ลี : คันไทบ้านบ่ซอย รื้อแท้ ๆ ไม้กะเสีย อีหยังกะเสีย เขาว่าซิเอาศาลาใหญ่ไปเฮ็ด คันไทบ้านบ่ซอย ไปเกลี้ยกล่อมเจ้าอาวาสยู้ กะไว้หนา

ลูกศิษย์ : เดี๋ยวเราทำหนังสือถึงพระราชินีได้ครับ ถ้าเขาอ้างแบบนั้นเราก็ทำหนังสือฎีกาถึงพระราชินีครับ

หลวงปู่ลี : อีหยังก้อ

ลูกศิษย์ : เดี๋ยวรอตอนบ่าย แล้วคณะของเขาจะมาหรือป่าวครับ ที่ว่าจะมาถวายผ้าป่าตอนบ่ายนะครับ ครับงั้น ผมกราบลาหลวงปู่นะครับ

หลวงปู่ลี : เพิ่นสิมา จักเพิ่นไล่หนีไปซอ เจ้าฟ้าหญิง คันบ่ผิด ประกาศพุ่นหนา ไห่ไป่นำกันเลย ป่านนั่นหนา มันผิดจังซี่หละ ควมบ่จริง ไปซอ ไปเว้า เจ้าฟ้าหญิงหนะ พิจารณาเบิ่งติ คันบ่ผิดเพิ่นสิขับเฮ็ดหยัง ขับออกไป่แล่วสิเอามาอ้างกินอยู่นั่น หาอุบายสิรื้อศาลาหนา ไปเว้าบ่ฟังดอก ได้ยินมาสิเอาแบบอดีตเว้า ฮ่วย... กะเว้าเหตุผลให้ฟังหมด ย่านบ่ฟังอยู่นี่ อยากได้ศาลาเนี่ย คึดไปคึดมา คึดสิโดนพ่อแม่ครูจารย์หลาย คันไทบ้านบ่ซอยรื้อแท้ ๆ แล้ว ฟังฮั่นกะฟังอยู่ ได้ยินมาใส่หู แล้วไปทางนั่นอีก คึสิบ่ฟัง
|.
|..
|...
หลวงปู่ลี : คันไทบ้านบ่ซอย บ่ได้แน่ ๆ ใจไปนำกัน เมื่อวานได้ยินกะเลยไปคัดค้าน เว้าคึสิบ่เอา โครงการวาสิบ่ม้าง จังซั่นจังซี่ ม้างคือเก่า ไม้เฮียบโลด ลงไปรื้อเฮียโลด ไม้มูนั่น พ่อแม่ครูจารย์ พูนั่นกะมายาดเอา พูนี่กะมายาดเอา ใจดี รื้อศาลาได๋แน พ่อแม่ครูจารย์

ลูกศิษย์ : ครับหลวงปู่ ผมกะสู้ตายอยู่แล้วครับ เดี๋ยวเอาเฮ็ดหนังสือถึงพระราชินีเลย

ลูกศิษย์ : หนังสือ เดี๋ยวค่อยประสานกับพี่นนท์

ลูกศิษย์ : ครับ

ลูกศิษย์ : แต่มันอาจสิเบิ่งหมิ่นหลวงปู่เด้ครับ

หลวงปู่ลี : โครงการเฮ็ดเจดีย์อยู่วัดบ้านตาด มันกะบ่มีอีหลีเด้ เขาประกาศมื้อก่อน

ลูกศิษย์ : ครับ เฮ็ดให่หลวงปู่ยุ่งยากอีหลี

หลวงปู่ลี : ว่าสิบ่เฮ็ดเจดีย์อยู่วัดบ้านตาด มันกะสิแกล้งกันตั้ว มันอยากได้ศาลาใหญ่แหม่

ลูกศิษย์ : ครับ

หลวงปู่ลี : พระบ้านตาดหนา

ลูกศิษย์ : ครับ

หลวงปู่ลี : คันไทบ้านบ่ซอย เขากะสิเอาศาลาใหญ่เฮาไปแท้ ๆ... วัดบ้านตาด พื้นที่กะมีหล๊าย หลาย ที่ ๆ เหมาะสำหรับเฮ็ดเจดีย์กะบ่เฮ็ด กะสิมาเฮ็ดใส่ศาลาใหญ่นิ มื้อวานไปคัดค้าน กะบ่มีอีหยังตอบรับเลย

พระอาจารย์ : ครับ หลวงปู่ครับ น้องสาวเขาฝากถวายทับทิมสยามครับ ไว้ประดับ น้องของญาติฝากมาถวายครับ

หลวงปู่ลี : อืม ๆ

ลูกศิษย์ : ครับ เรื่องของพระอาจารย์ที่ถูกขับไล่นะครับ ที่ถูกอ้างว่าไปบอกฟ้าหญิง หลวงปู่ชี้จุดไง ผมว่าเราต้องเล่าเรื่องของพระอาจารย์ที่ถูกขับไล่ ถูกขับไล่เพราะอะไร อย่างไร

พระอาจารย์ : ใช่ ๆ

ลูกศิษย์ : เพราะว่าเรื่องนี้มันมีพยาน ทั้ง ตชด. ครูบา ที่อยู่กับหลวงตา ณ กุฏิ หลังจากที่ท่านเข้าไปให้ให้ท่านชี้จุด จะเอาแค่เรื่องนี้ไปฟ้องเจ้าฟ้าหญิง ไล่ออกเลย ผมว่าเราจะทำฎีกาถวายเรื่องราวทั้งหมด ในการที่อาจารย์ไปอ้างลงมานี้ ผมว่ามันไม่ใช่เรื่อง ผมว่าเจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน โดยเฉพาะครูบา และหลวงตานี้ คงไม่อยากทำให้ประชาชนเดือดร้อนนะครับ และวันนี้เราก็ควรจะมาพูดกันต่อหน้าหลวงตาเลยมันจะได้จบ แล้วถ้าหลวงตาขันธ์อ่อนแบบนี้ เท่ากับทำลายหลวงตานะครับ ผมไม่ยอมนะครับ ถ้าทำเพื่อปกป้องหลวงตาแล้วตาย ผมยอมตายครับ และจะไม่ไปประชุมที่อื่นครับ จะประชุมต่อหน้าหลวงตาเท่านั้น เดี่ยวนี้นิมนต์เลยครับ

ลูกศิษย์ : เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ๆ แต่ตอนนี้เขาประชุมกันอยู่วัดถ้ำย่าไกล แต่ประชุมเรื่องของสถานีวิทยุ

ลูกศิษย์ : ไม่เอาสถานี ผมไม่เกี่ยว หลวงปู่ไม่ยุ่ง

พระอาจารย์ : ตอนบ่ายนี้เดี๋ยว ครูบา อาจารย์เขาจะมาพูด

ลูกศิษย์ : งั้นผมขออนุญาตหลวงปู่นะครับ ผมของพูดเองเลย ไม่เอาแบบลับหลังหลวงปู่เลย

พระอาจารย์ : มา เดี๋ยว อาตมาจะเล่าให้โยมฟัง อาตมาไม่เคยทราบมาก่อนเลย ว่าเรื่องทั้งหมดมันจะเป็นอุบายอย่างที่หลวงตาเล่ามา แต่ก็ไม่ได้จะรื้อศาลาเลยนะ

ลูกศิษย์ : ที่หลวงปู่ยกประเด็นมาที่ว่าเป็นอุบาย ใช่ เพราะตอนนี้ยังไม่รื้อแต่อีกสักหน่อยต้องรื้อ พื้นที่ไม่พอก็ต้องรื้ออยู่ดี แล้วก็จะพูดว่า ทำมาแล้ว ไม่ให้รื้อศาลา เจดีย์ก็ไม่เสร็จ

พระอาจารย์ : เอ่อ…ตรงนี้ มีข่าวหนึ่งที่น่าจะเป็นข่าวดีละนะ อาจารย์ปิวบอกว่าหลังจากที่หลวงตาไปบอกท่าน ท่านสั่งระงับที่หลังนะ

ลูกศิษย์ : งั้นไล่อาจารย์ปิวออกเลยครับ งั้นฝากครูบาด้วยครับ ตอนนี้หลวงปู่ไม่ไหวแล้ว

พระอาจารย์ : ก็ทางพระอาจารย์ส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องการให้รื้อนะ

(ครับงั้นก็ให้หลวงตาพักผ่อนนะครับ เชิญออกข้างนอกเลยครับ ปิดประตูด้วยครับ)