วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มหาโจร ๕ จำพวก

       หากจะอ้างตัวว่าเป็นพระสายหลวงปู่มั่น ก็ควรทำในสิ่งที่หลวงปู่มั่นท่านทำไว้เป็นแบบอย่าง หลวงปู่มั่นท่านไม่ค่อยออกมาสู่สังคม ท่านอยู่ในป่าในเขามาตลอด ถือธุดงค์เป็นแบบอย่าง ท่านไม่ใช้ผ้าคหบดีจีวร ใช้แต่ผ้าบังสุกุลทั้งชีวิต ท่านถือธุดงค์ทั้งชีวิต

       หากจะอ้างตัวว่าเป็นลูกศิษย์หลวงตาฯ ก็ควรทำในสิ่งที่หลวงตาพาทำ อย่างในคราวหลวงตาฯ ทำโครงการช่วยชาติ ท่านสงวนพระเณรที่มาช่วยโครงการฯ ไม่ให้มาพักที่สวนแสงธรรมเลย เพราะท่านได้วางหลักไว้ ไม่ให้สวนแสงธรรมเป็นที่หาผลประโยชน์ของใคร..

       หากหลวงตายังอยู่ พวกท่านจะกล้าทำอย่างนี้หรือไม่

-------------------------------------------------------
พระไตรปิฏกเล่มที่ 1.(พระวินัยปิฏก)
มหาโจร ๕ จำพวก

ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาโจร ๕ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก มหาโจร ๕ จำพวกเป็นไฉน

      ๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาโจรบางคนในโลกนี้ ย่อมปรารถนาอย่างนี้ว่า เมื่อไรหนอเราจักเป็นผู้อันบุรุษร้อยหนึ่ง หรือพันหนึ่งแวดล้อมแล้ว ท่องเที่ยวไปในคามนิคมและราชธานี เบียดเบียนเอง ให้ผู้อื่นเบียดเบียน ตัดเอง ให้ผู้อื่นตัด เผาผลาญเอง ให้ผู้อื่นเผาผลาญ สมัยต่อมา เขาเป็นผู้อันบุรุษร้อยหนึ่ง หรือพันหนึ่ง แวดล้อมแล้วเที่ยวไปในคามนิคมและราชธานี เบียดเบียนเอง ให้ผู้อื่นเบียดเบียน ตัดเอง ให้ผู้อื่นตัด เผาผลาญเอง ให้ผู้อื่น เผาผลาญฉันใด

      ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เลวทรามบางรูปในธรรมวินัยนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล ย่อมปรารถนาอย่างนี้ว่า เมื่อไรหนอ เราจึงจักเป็นผู้อันภิกษุร้อยหนึ่ง หรือพันหนึ่งแวดล้อมแล้ว เที่ยวจาริกไปในคามนิคมและราชธานี อันคฤหัสถ์และบรรชิต สักการะ เคารพ นับถือ บูชา ยำเกรง ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัย เภสัชบริขาร สมัยต่อมา เธอเป็นผู้อันภิกษุร้อยหนึ่ง หรือพันหนึ่งแวดล้อมแล้ว เที่ยวจาริกไปในคามนิคมและราชธานี อันคฤหัสถ์ และบรรพชิตสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ยำเกรงแล้ว ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขารทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมหาโจรจำพวกที่ ๑ มีปรากฏอยู่ในโลก

        ๒. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุผู้เลวทรามบางรูปในธรรมวินัยนี้ เล่าเรียนธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้ว ย่อมยกตนขึ้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมหาโจรจำพวกที่ ๒ มีปรากฏอยู่ในโลก

       ๓. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุผู้เลวทรามบางรูปในธรรมวินัยนี้ ย่อมตามกำจัดเพื่อนพรหมจารี ผู้หมดจด ผู้ประพฤติพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์อยู่ด้วยธรรมอันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์อันหามูลมิได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมหาโจรจำพวกที่ ๓ มีปรากฏอยู่ในโลก

      ๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุผู้เลวทรามบางรูปในธรรมวินัยนี้ ย่อมสงเคราะห์ เกลี้ยกล่อมคฤหัสถ์ทั้งหลาย ด้วยครุภัณฑ์ ครุบริขาร ของสงฆ์ คือ อาราม พื้นที่อาราม วิหาร พื้นที่วิหาร เตียง ตั่ง ฟูก หมอน หม้อโลหะ อ่างโลหะ กะถางโลหะ กะทะโลหะ มีด ขวาน ผึ่ง จอบ สว่าน เถาวัลย์ ไม้ไผ่ หญ้ามุงกะต่าย หญ้าปล้อง หญ้าสามัญ ดินเหนียว เครื่องไม้ เครื่องดิน ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมหาโจรจำพวกที่ ๔ มีปรากฏอยู่ในโลก

        ๕. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม อันไม่มีอยู่ อันไม่เป็นจริง นี้จัดเป็นยอดมหาโจร ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทวดา และมนุษย์ ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะภิกษุนั้น ฉันก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น ด้วยอาการแห่งคนขโมย.

นิคมคาถา
       ภิกษุใด ประกาศตนอันมีอยู่โดยการอื่น ด้วยอาการอย่างอื่น โภชนะนั้น อันภิกษุนั้น ฉันแล้ว ด้วยอาการแห่งคนขโมย ดุจพรานนกลวงจับนก ฉะนั้น ภิกษุผู้เลวทรามเป็นอันมาก มีผ้ากาสาวะพันคอ มีธรรมทราม ไม่สำรวมแล้ว ภิกษุผู้เลวทรามเหล่านั้น ย่อมเข้าถึงซึ่งนรก เพราะกรรมทั้งหลายที่เลวทราม ภิกษุผู้ทุศีล ผู้ไม่สำรวมแล้วบริโภคก้อนเหล็กแดงดังเปลวไฟ ประเสริฐกว่า การฉันก้อนข้าวของชาวรัฐ จะประเสริฐอะไร.

-------------------------------------------------------

       พอดีจะสร้างกุฏิเราหลังนั้นละ เห็นรูปกระต๊อบนี่ ๓ ปีพังไปหลังหนึ่งๆ มันพังเพราะอะไร เพราะเสามันแห้ง ปลวกกินต้นเสาล้มโครม ถ้าเสาแห้งละปลวกกินล้มโครมไป ๓ หลัง ทีนี้คิดว่าจะปลูกหลังใหม่ ท่านอาจารย์เจี๊ยะท่านก็เจตนาดีอยู่ เราก็เห็นเจตนาของท่าน แต่มันขัดกับธรรมอยู่ข้อหนึ่งซึ่งเป็นหลักใหญ่ ท่านมาดูสถานที่ที่จะปลูกกุฏิ ค่ำแล้วนะ มาดูเรียบร้อยแล้วท่านก็กลับไป เรียกว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาทำอย่างนั้นว่างั้นเถอะน่ะ พอเราไปค่ำๆ จวนจะมืดแล้ว ฟังเสียงป้างๆ ขึ้นทางที่อาจารย์เจี๊ยะอยู่นู้น ไปตีเขาเรียกคทาหรืออะไรที่กวาดไสไปไสมา (คราดค่ะ) คราดมันเป็นซี่ๆ ไม่ใช่แผ่นอย่างนี้ ค่ำแล้วต่างคนต่างเลิกกันไป มาดูที่จะปลูกกุฏิเรา ท่านไม่แล้วที่นี่ จวนจะมืด ฟังเสียงป้างๆ ท่านไปทำอันนี้ละจะมาปลูกกุฏิเรา

       ฟังเสียงผิดปรกติเหลือเกิน เราก็เดินไปเลย ตรงเข้าไปหาท่าน ท่านเจี๊ยะ เราว่างี้เลย ท่านอยู่กับพ่อแม่ครูจารย์มั่นมาก่อนผมแล้ว ผมไปอยู่ทีหลัง ทั้งสองเรานี้เป็นลูกศิษย์อาจารย์มั่น ท่านทำแบบนี้เป็นยังไงกับคำว่าลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่น มันเป็นยังไงกัน พอว่างั้นทิ้งปั๊วะเลย เราก็กลับมา พูดเท่านั้นละ เพราะท่านก็เป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่นผมเป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่น การปฏิบัติตัวในข้อวัตรปฏิบัติทุกอย่างท่านทำยังไง ท่านทำอย่างนี้เหรอเราว่างั้น พอว่างั้นเราก็เดินกลับ ท่านก็ทิ้งปั๊วะเลย

       เช้ามาท่านมารอ พอเรามานั่งกราบปั๊บ ปุ๊บปั๊บมาเลย มาจับเท้าเรานี้ไปถูหัว เอ้า เท้านี้มันสำหรับเหยียบขี้ต่างหากไม่ใช่เหยียบหัวคน อู๊ย ให้เหยียบสักหน่อยเถอะมันโง่เอาเหลือเกิน มันผิดเอาเสียมากมาย เมื่อคืนนี้ผมน้ำตาร่วงพอท่านอาจารย์ไปดุ มาคิดเรื่องพ่อแม่ครูจารย์มั่นพาดำเนินกับท่านอาจารย์พาดำเนินมาไม่ได้เป็นอย่างนี้ ผมผิดชะมัดว่างั้น ผมต้องมายอมโทษ มาแล้วเอาหัวท่านกับเท้าเรานี้มาจับถู จับไปถูอะไรนี่มันสำหรับเหยียบขี้ต่างหากเท้านี่น่ะ โอ๋ย เหยียบบ้างเถอะมันเลวกว่าขี้ท่านว่างั้น เหยียบท่านนะ

       น้ำตาร่วงนะ น้ำตาร่วงเลย ท่านบอกท่านอนุโลมสุดขีดละ เพราะพ่อแม่ครูจารย์ก็ไม่เคยทำอย่างนี้แต่เรามาทำนี่ เราผิดว่างั้น จึงต้องยอมมาเอาหัวถูแล้วน้ำตาร่วงๆ เลย สำหรับอาจารย์เจี๊ยะกับเราลงจริงๆ ลงด้วยกลัวด้วย ท่านจึงบอกว่า อาจารย์ที่อยู่หัารย์เจี๊ยะ นี่ท่านก็เสียไปแล้ว พ่อแม่ครูจารย์มั่นรักท่านมากนะ รักอาจารย์เจี๊ยะ เหมือนพ่อกับลูกเลยวใจผมได้มีสององค์ มีท่านอาจารย์มั่นกับท่านอาจารย์ นอกนั้นผมไม่ลงใครง่ายๆ ท่านตรงไปตรงมาอาจ

หลวงตามหาบัว
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ตอกหมุด สถานที่สร้างเจดีย์

คณะสงฆ์นำโดยหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ หลวงปู่ลี กุสลธโร, หลวงปู่บุญมา คมฺภีรธมฺโม, หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธมฺโม หลวงพ่อสุดใจ ทนฺตมโน ตอกหมุดสถานที่สร้างเจดีย์



วัดป่าบ้านตาดมีเนื้อที่กว้างขวางก็ดี ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เพราะวัดนี้เป็นวัดของแผ่นดิน ทำประโยชน์ก็เพื่อแผ่นดิน ตั้งแต่สร้างวัดเราก็ทำประโยชน์เรื่อยมา ถนนหนทางทำตั้งแต่บ้านดงเค็งเข้ามาถึงบ้านตาดให้ลูกศิษย์ลูกหาช่วยกันทำเรื่อยมา

ถนนจากหมู่บ้านเข้ามาถึงวัดนี้ก็เหมือนกัน นี่เราทำเอง ขอชาวบ้านขอลูกเต้าหลานเหลน นำทางมา แหวกทางมา ขอมาเรื่อยๆ แล้วก็ขึ้นค่าสินน้ำใจเขา เราไม่ขอเอาเฉยๆ เราให้ค่าสินน้ำใจตอบแทน ค่าตอบแทนเราก็ไม่ให้ต่ำ ให้สูงไว้เสมอๆ ๆ เพราะฉะนั้นสองฝั่งทางนี้มันจะมีหลักฝังอยู่ นี่เราก็จ่ายเงินเขาไปหมดแล้ว

สระน้ำหน้าวัดนี้ก็เหมือนกัน เราก็ให้ทำเพื่อชาวบ้าน ทางสายหน้าวัดนี้แต่ก่อนมันเป็นดงนะ มันไม่มีบ้าน นี่เราขอเอาไว้ก่อนเลย หลวงตาบิณฑบาตไม่ได้บิณฑบาตแต่ข้าวอย่างเดียวนะ แม้กระทั่งถนนหนทางก็ขอบิณฑบาต ขอไปไหนได้หมด เขาก็ว่า ‘อู้ย! หลวงตาขออะไรได้หมดแหละ’ และเขาก็ให้หมดจริงๆ นะ ถนนหนทางมันจึงกว้าง…”

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มติสงฆ์ สร้างเจดีย์ตรงพื้นที่ ๓๐ ไร่

คณะสงฆ์วัดป่าบ้านตาดมีการประชุมหารือร่วมกับครูบาอาจารย์ผู้เกี่ยวข้องที่เคยได้ยินได้ฟังคำสั่งหรือคำปรารภขององค์หลวงตาฯ เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์และหรือพระเจดีย์

สรุปความได้ว่า อดีตพระเลขานุการขององค์หลวงตาฯ ได้ยืนยันคำกล่าวขององค์หลวงตาฯ ที่ก่อนหน้าเคยเมตตาชี้จุดก่อสร้าง "หอธรรม" ไว้ในบริเวณจิตกาธานนั้นจริง

แต่ต่อมาเพียง ๒ วัน องค์หลวงตาฯ ได้กล่าวอย่างจริงจังหนักแน่นว่าจุดที่ชี้ไปในบริเวณดังกล่าวเมื่อวันก่อนนั้น เป็นจุดที่องค์หลวงตาพิจารณาทบทวนแล้ว “ไม่ลงใจ” องค์ท่านยังได้กล่าวย้ำกับพระ ๒ รูป ภายหลังการเดินจงกรมพิจารณา โดยมีคำสั่งในระหว่างถวายการนวดเส้นในเรื่องเดียวกันนี้ว่า “เราไม่ให้สร้างในจุดนี้”

ประกอบกับ ในระหว่างการจัดงาน ๑๐๐ ปี ชาตกาลขององค์หลวงตาฯ เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันจากฝนตกหนักในคืนวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ เป็นเหตุให้ฝายต้นน้ำในบริเวณไม่ห่างไกลวัดป่าบ้านตาดนักเกิดทรุดตัวพังทลายลง น้ำปริมาณมากจึงไหลบ่าอย่างรวดเร็วเข้าท่วมในบริเวณรอบจิตกาธานและรอบศาลาใหญ่ โดยเฉพาะในบริเวณด้านหลังแนวบิณฑบาตยิ่งท่วมลึก ปรากฏการณ์อุทกภัยดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี หากปีใดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องก็จะท่วมและเสียหายมาก

ด้วยเหตุนี้การตั้งรากฐานการก่อสร้างในบริเวณที่ไม่ห่างไกลทางน้ำเช่นนี้ย่อมมีความสุ่มเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากแก้ไขโดยการสร้างเขื่อนหรือแนวคันดินกั้นตามลำห้วยก็อาจสามารถป้องกันได้ แต่ทว่าจะเป็นเหตุให้กระแสน้ำที่ไหลมาอย่างต่อเนื่องด้วยปริมาณมากเกิดเอ่อล้นสร้างความเดือดร้อนให้กับหมู่บ้านตาดและหมู่บ้านข้างเคียงกลายเป็นปัญหาใหม่กระทบต่อส่วนรวม ด้วยเหตุนี้ องค์หลวงตาฯ จึงมีคำสั่งไว้อย่างเด็ดห้ามแม้กระทั่งส่วนราชการมิให้สร้างเขื่อนหรือฝายในเขตพื้นที่แถบนี้

คณะสงฆ์ซึ่งมีความพร้อมเพรียงเป็นหนึ่งเดียว จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ทูลเสนอทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าหญิงเพื่อทรงมีพระวินิจฉัยดำเนินการพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ ในที่ดินผืน ๓๐ ไร่ ที่องค์หลวงตาฯ เมตตารับไว้